Coolsculpting คืออะไร ? ในบทความนี้เราจะพาคุณมาหาคำตอบกัน โดยหลัก ๆ แล้วมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเปิดประตูสู่โลกของการลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นในการกำจัดเซลล์ไขมันโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด วิธีการนี้มีต้นกำเนิดมาจากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่พบว่าเซลล์ไขมันสามารถถูกทำลายได้ด้วยความเย็นที่ควบคุมได้โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเสียหาย จากการค้นพบนั้นมันจึงได้กลายมาเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ตั้งแต่หลักการทางวิทยาศาสตร์ไปจนถึงกระบวนการกำจัดเซลล์ไขมันและข้อดีที่น่าสนใจ เช่น ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นและมีผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทางเราจะให้ข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับนวัตกรรมนี้ รวมถึงการกล่าวถึงประเด็นที่ควรพิจารณาและความคาดหวังสำหรับผู้ที่สนใจเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะต้องการปรับปรุงบางส่วนของร่างกายหรือสนใจในวิธีการลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัด บทความนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าในการตัดสินใจเลือก Coolsculpting เป็นตัวเลือกในการปรับปรุงรูปลักษณ์และเพิ่มความมั่นใจในรูปร่างของคุณ
ทำความรู้จัก Coolsculpting คือ ?
ในยุคปัจจุบันที่ทุกคนต้องการมีรูปร่างที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรง วิธีการลดไขมันแบบไม่ต้องผ่าตัดก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่นเดียวกับ Coolsculpting ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการลดไขมันที่ต้องการโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ Coolsculpting คืออะไร? วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับวิธีการนี้ให้มากขึ้น
ความเป็นมาของ Coolsculpting
นวัตกรรมนี้เป็นวิธีการที่ใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมันโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง วิธีนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยพบว่าเซลล์ไขมันสามารถถูกทำลายได้ด้วยความเย็นที่ควบคุมได้ จากการค้นพบนี้ จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี Coolsculpting ขึ้น
วิธีการทำงานของ Coolsculpting
มันทำงานโดยการใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมความเย็นที่จะส่งผ่านผิวหนังไปยังเซลล์ไขมันที่ต้องการทำลาย ความเย็นที่ส่งผ่านไปนี้จะทำให้เซลล์ไขมันค่อย ๆ แข็งตัวและสลายไป โดยเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยธรรมชาติผ่านระบบการขับถ่าย ไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการดูดไขมัน
ข้อดี
หนึ่งในข้อดีหลัก ๆ ของ Coolsculpting คือ ไม่ต้องใช้วิธีการผ่าตัด ทำให้ไม่มีรอยแผลหรือต้องใช้เวลาพักฟื้น นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อย และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากการรักษา
ข้อควรพิจารณา
แม้ว่า Coolsculpting จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมกับทุกคน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ปัญหาการแข็งตัวของเลือดหรือมีประวัติการแพ้ความเย็น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ Coolsculpting นอกจากนี้ยังควรทำการวิจัยและเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ในการให้บริการนี้
ข้อดีของการทำ Coolsculpting : ทำไมถึงเป็นทางเลือกยอดนิยมในการลดไขมัน?
Coolsculpting เป็นหนึ่งในเทคนิคการลดน้ำหนักและปรับรูปร่างที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัดคล้ายกับเมโสแฟต ด้วยการใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมัน วิธีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสำหรับการลดขนาดไขมันในบางพื้นที่ของร่างกาย ซึ่งรวมถึงท้อง ขา แขน และคาง เป็นต้น มาดูกันว่าข้อดีและเหตุผลที่ทำให้มันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปลักษณ์โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัดจะมีอะไรบ้าง
- การทำ Coolsculpting ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือการฉีดยาสลบ ซึ่งหมายความว่าผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังจากการรักษา ไม่มีระยะเวลาพักฟื้นที่จำเป็น เช่นเดียวกับในกรณีของการผ่าตัดดูดไขมัน ทำให้มันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเร่งรีบและไม่สามารถหยุดพักจากงานหรือกิจกรรมประจำวันได้
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไขมันในพื้นที่ที่ได้รับการรักษาจะถูกลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างจะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป ผลลัพธ์นี้ช่วยให้ร่างกายมีเวลาปรับตัวและเกิดการกระจายของผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- มีความปลอดภัยสูง ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในการลดไขมันในพื้นที่เฉพาะ การศึกษาและการวิจัยหลายครั้งได้แสดงให้เห็นว่าการใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยไม่ทำให้เกิดการเสียหายต่อเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใกล้เคียง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะ ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักทั่วไป การรักษานี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์และอาหารการกินที่ดีแล้ว แต่ยังมีไขมันส่วนเกินที่ยากจะกำจัดด้วยการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว
- การทำ Coolsculpting ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน หลังจากที่เซลล์ไขมันถูกทำลายและขจัดออกจากร่างกาย พวกมันจะไม่กลับมาใหม่อีก ด้วยการรักษาตนเองด้วยการออกกำลังกายและการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผลลัพธ์จากการทำ Coolsculpting สามารถอยู่ได้ยาวนาน
สรุปได้ว่า การทำ Coolsculpting ให้หลายข้อดีสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และความยั่งยืนของผลลัพธ์ ทำให้มันเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลาย ๆ คนที่ต้องการปรับปรุงรูปลักษณ์ของตนเอง
CoolSculpting ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นในการกำจัดเซลล์ไขมันที่ไม่ต้องการโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดขนาดไขมันในพื้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น ที่หน้าท้อง ข้างเอว และบริเวณต้นขา หลายคนอาจสงสัยว่าต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ในหัวขอนี้ เราจะพาคุณมาสำรวจปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับจำนวนครั้งในการทำ CoolSculpting และความคาดหวังที่เหมาะสมเมื่อเลือกใช้วิธีการนี้
- ปัจจัยแรกที่มีผลต่อจำนวนครั้งในการทำ CoolSculpting คือ ปริมาณไขมันในพื้นที่ที่ต้องการรักษา บุคคลที่มีไขมันสะสมมากในพื้นที่เป้าหมายอาจต้องการการรักษาหลายครั้งเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยทั่วไป ผู้รับการรักษาสามารถคาดหวังว่าจะเห็นการลดลงของไขมันประมาณ 20-25% ในพื้นที่ที่ได้รับการรักษาหลังจากครั้งแรกของการทำ CoolSculpting
- ปัจจัยที่สองคือ ความคาดหวังของผู้รับการรักษา บุคคลที่มีความคาดหวังที่สูงอาจพบว่าตัวเองต้องการการรักษาหลายครั้งเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน การสื่อสารกับแพทย์เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างชัดเจนจะช่วยให้กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม
- ปัจจัยที่สามคือ พื้นที่ของการรักษา บางพื้นที่ของร่างกายอาจตอบสนองต่อการรักษาด้วย CoolSculpting ได้ดีกว่าพื้นที่อื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ไขมันที่หน้าท้องและข้างเอวมักตอบสนองต่อการรักษาได้ดี ในขณะที่พื้นที่ที่มีเนื้อเยื่อหนาอาจต้องการการรักษาหลายครั้ง
การทำ CoolSculpting โดยทั่วไปจะมีระยะห่างระหว่างการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 1-3 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมให้ร่างกายมีโอกาสกำจัดเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายแล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจแนะนำให้ทำการรักษา 2-3 ครั้งสำหรับพื้นที่เดียวกันเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ
ในท้ายที่สุด จำนวนครั้งในการทำ CoolSculpting ที่จำเป็นเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงปริมาณไขมันเริ่มต้น ความคาดหวังของผู้รับการรักษา และพื้นที่ของการรักษา เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานการณ์เฉพาะของคุณและกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับหลาย ๆ คน CoolSculpting นำเสนอวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัดและมีประสิทธิภาพในการลดขนาดไขมันในพื้นที่เฉพาะเจาะจง ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการปรับปรุงรูปร่างของร่างกาย
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Coolsculpting?
Coolsculpting เป็นเทคนิคที่ใช้ความเย็นในการกำจัดเซลล์ไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเหมาะกับการลดขนาดไขมันในพื้นที่เฉพาะเจาะจงของร่างกาย เช่น ที่หน้าท้อง ข้างเอว หลัง แขน และต้นขา การรักษานี้ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินที่ยากจะลดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ทุกคนที่เหมาะสมกับการทำ มาดูกันว่าใครบ้างที่สามารถลดไขมันด้วยวิธีนี้ได้
1. ผู้ที่มีสุขภาพดี
Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีโดยรวมและไม่มีปัญหาสุขภาพอย่างรุนแรงที่อาจทำให้การรักษามีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับเลือดหรือความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้ความเย็นควรหลีกเลี่ยงการทำ
2. ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะ
การลดไขมันด้วยวิธีนี้ไม่ได้เป็นวิธีการลดน้ำหนักหรือสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาก แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะเจาะจง เช่น ไขมันที่หน้าท้อง ไขมันที่ข้างเอว หรือไขมันที่ต้นขา ซึ่งยากที่จะลดลงแม้จะมีการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด
3. ผู้ที่มีความคาดหวังที่เป็นจริง
ผู้ที่ตัดสินใจทำ Coolsculpting ควรมีความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์ การรักษานี้สามารถช่วยลดไขมันในพื้นที่เฉพาะเจาะจงได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างร่างกายอย่างสิ้นเชิงหรือลดน้ำหนักโดยรวมได้ ผู้รับการรักษาควรมีการสนทนาอย่างเปิดเผยกับแพทย์เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดหวังเพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนก่อนทำการรักษา
4. ผู้ที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถผ่าตัดได้
Coolsculpting เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมัน เช่น ผู้ที่มีความกลัวการผ่าตัดหรือมีปัญหาสุขภาพที่ทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง การรักษาด้วย Coolsculpting ไม่ต้องการเวลาพักฟื้นและสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังจากการรักษา
5. ผู้ที่มีผิวหนังที่ยืดหยุ่นดี
Coolsculpting ทำงานได้ดีที่สุดกับผู้ที่มีผิวหนังที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวกลับมาได้หลังจากการลดไขมันในพื้นที่นั้น ๆ ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมากอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการเนื่องจากผิวหนังอาจไม่สามารถยุบตัวกลับมาเข้าที่หลังจากการลดไขมัน
สรุปได้ว่า นวัตกรรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะเจาะจง มีสุขภาพดี มีความคาดหวังที่เป็นจริง และไม่ต้องการหรือไม่สามารถผ่าตัด การปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความคาดหวังที่เป็นไปได้เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการตัดสินใจเข้ารับการรักษา
CoolSculpting ทำส่วนไหนของร่างกายได้บ้าง?
CoolSculpting ใช้ความเย็นในการลดไขมันโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีไขมันสะสมที่ยากจะกำจัดด้วยการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว วิธีนี้ได้รับความนิยมเพราะเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการลดขนาดไขมันในพื้นที่เป้าหมาย มาดูกันว่าพื้นที่ บนร่างกายที่สามารถทำ CoolSculpting ได้มีอะไรบ้าง
1. หน้าท้อง
หน้าท้องเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ผู้คนมักต้องการลดไขมันมากที่สุด ไขมันสะสมในบริเวณนี้อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง CoolSculpting สามารถช่วยลดไขมันที่หน้าท้องได้ ทำให้หน้าท้องดูแบนและกระชับขึ้น
2. ข้างเอว
ข้างเอวหรือที่เรียกว่า “Love Handles” เป็นอีกพื้นที่ที่ CoolSculpting สามารถแสดงผลลัพธ์ที่ดีได้ การลดไขมันในบริเวณนี้ช่วยให้รูปร่างดูเพรียวขึ้น และเสื้อผ้าพอดีกับร่างกายมากขึ้น
3. หลัง
ไขมันที่สะสมบริเวณหลังสามารถลดลงได้ด้วยการทำ CoolSculpting ช่วยให้บริเวณหลังดูเรียบเนียนขึ้น และเพิ่มความมั่นใจเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่แสดงเส้นสายของร่างกาย
4. ต้นขา
ทั้งต้นขาด้านในและด้านนอกสามารถรักษาด้วย CoolSculpting เพื่อลดขนาดและทำให้ขาดูเรียวขึ้น การรักษานี้ช่วยให้เสื้อผ้าพอดีกับร่างกายมากขึ้น และเพิ่มความมั่นใจเมื่อสวมใส่ชุดที่เน้นรูปทรงของต้นขา
5. บริเวณแขน
ไขมันสะสมบริเวณแขนสามารถลดลงได้ด้วย CoolSculpting ทำให้แขนดูเรียวและกระชับขึ้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ต้องการสำหรับหลายๆ คนที่ต้องการใส่เสื้อผ้าแขนสั้นด้วยความมั่นใจ
6. บริเวณสะโพก
ไขมันที่สะสมบริเวณสะโพกสามารถทำให้รูปทรงของสะโพกดูไม่เรียบเนียน CoolSculpting ช่วยให้สะโพกมีรูปทรงที่ดีขึ้น ทำให้รูปร่างดูสมส่วนและเพิ่มความมั่นใจ
สรุปแล้ว ในบทความนี้เราก็ได้พาคุณมาทำความรู้จักว่า Coolsculpting คืออะไร ซึ่งมันนับว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงวงการความงามไปอย่างมาก ด้วยความสามารถในการลดไขมันโดยใช้เทคนิคการควบคุมความเย็นที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทำให้ Coolsculpting เป็นทางเลือกที่ดึงดูดผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและเวลาพักฟื้นจากการผ่าตัด
Coolsculpting นับเป็นก้าวหน้าที่สำคัญในด้านการลดไขมันและปรับรูปร่าง โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและไม่ต้องมีเวลาพักฟื้น ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนเป็นสิ่งที่ทำให้มันเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคนที่ต้องการปรับปรุงรูปลักษณ์ของตนเอง หากคุณกำลังพิจารณาวิธีการลดไขมันที่ไม่ต้องผ่าตัด Coolsculpting อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้ เพียงแค่ต้องมีการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ด้วยการเลือกทำคุณอาจพบกับวิธีการปรับปรุงรูปลักษณ์ที่คุณตามหาและเพิ่มความมั่นใจในรูปร่างของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อย
1. Coolsculpting ทำงานอย่างไร?
Coolsculpting ทำงานโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Cryolipolysis หรือการใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ไขมัน โดยเครื่องมือจะลดอุณหภูมิของเซลล์ไขมันให้ถึงจุดที่เซลล์ไขมันนั้นไม่สามารถอยู่รอดได้ แต่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อหรืออวัยวะรอบข้าง เซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยธรรมชาติผ่านระบบการขับถ่ายของร่างกาย
2. ทำไม Coolsculpting ถึงเป็นทางเลือกยอดนิยมในการลดไขมัน?
นวัตกรรมนี้เป็นทางเลือกยอดนิยมเพราะไม่ต้องใช้วิธีการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น มีผลข้างเคียงน้อย และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากการรักษา นอกจากนี้ยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะเจาะจง
3. ต้องทำ Coolsculpting กี่ครั้งถึงเห็นผล?
จำนวนครั้งในการทำ Coolsculpting ที่จำเป็นเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณไขมันเริ่มต้น ความคาดหวังของผู้รับการรักษา และพื้นที่ของการรักษา โดยทั่วไป ผู้รับการรักษาสามารถคาดหวังว่าจะเห็นการลดลงของไขมันประมาณ 20-25% ในพื้นที่ที่ได้รับการรักษาหลังจากครั้งแรกของการทำ Coolsculpting
4. ใครที่เหมาะกับการทำ Coolsculpting?
Coolsculpting เหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีโดยรวม มีไขมันส่วนเกินในพื้นที่เฉพาะเจาะจงที่ยากจะลดลงด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว มีความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์ และไม่ต้องการหรือไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัด นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังที่ยืดหยุ่นดี ซึ่งสามารถปรับตัวกลับมาได้หลังจากการลดไขมันในพื้นที่นั้น ๆ
อ้างอิง :
- Rachel Ann Tee-Melegrito, “What to know about CoolSculpting”, Medicalnewstoday, January 12, 2024, https://www.medicalnewstoday.com/articles/322060
- Emma Penrod, “What Is CoolSculpting, and Is It Safe for Weight Loss?”, Everydayhealth, February 20, 2024, https://www.everydayhealth.com/skin-beauty/coolsculpting/
- Lucie Wisco, “CoolSculpting: Nonsurgical Fat Reduction”, Healthline, June 15, 2018, https://www.healthline.com/health/coolsculpting