Microneedling คือ ? เทคนิคหน้าเรียว กระตุ้นคอลลาเจนเพื่อผิวกระชับ

Microneedling คือ ? เทคนิคหน้าเรียว กระตุ้นคอลลาเจนเพื่อผิวกระชับ

ในปัจจุบัน การดูแลผิวหน้าให้กระชับและดูอ่อนเยาว์เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญมากขึ้น จากปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เช่น แสงแดดและมลภาวะ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและดูมีชีวิตชีวาขึ้น คือ Microneedling หรือการกระตุ้นคอลลาเจนผ่านเข็มขนาดเล็ก โดยให้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่าการบริโภคอาหารเสริม 10 อันดับ คอลลาเจนแบบชง ยี่ห้อไหนดีที่ดูดซึมไว โดยหัตถการนี้ ใช้การทำงานของเข็มขนาดเล็กที่เจาะลึกลงในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ และกระชับมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณสำรวจรายละเอียดของกระบวนการ Microneedling คือ ? ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ และคำแนะนำที่ควรทราบก่อนการทำ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าหัตถการนี้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของคุณหรือไม่


Microneedling คือ อะไร?

Microneedling คือ อะไร

Microneedling คือ เทคนิคการดูแลผิวที่ใช้เข็มขนาดเล็ก (ประมาณ 0.5 – 2 มิลลิเมตร) ในการเจาะลงบนชั้นผิวหนังเพื่อสร้างบาดแผลขนาดจิ๋ว ซึ่งกระตุ้นให้ผิวหนังเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง กระบวนการนี้ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว จึงช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความยืดหยุ่น กระชับ และอ่อนเยาว์มากขึ้น ทั้งนี้จะไม่ใช่การผ่าตัดและไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน ซึ่งทำให้เทคนิคนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนที่ต้องการดูแลผิวให้สดใสแต่ไม่มีเวลามากนัก

หลักการทำงาน โดยใช้เข็มขนาดจิ๋วกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

การใช้เข็มขนาดเล็กเจาะลงบนผิวเพื่อสร้างบาดแผลขนาดเล็กเหล่านี้ จะทำให้ร่างกายรับรู้ว่าผิวหนังมีความเสียหาย ร่างกายจึงตอบสนองโดยการเพิ่มกระบวนการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในบริเวณนั้น ๆ ซึ่งโปรตีนเหล่านี้ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และลดริ้วรอย แม้ว่าหัตถการนี้จะดูเรียบง่าย แต่ขั้นตอนการทำควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีประสบการณ์

ความแตกต่างระหว่าง Microneedling คือ และเทคนิคเสริมความงามอื่น ๆ

แม้ว่า Microneedling จะมุ่งเน้นการฟื้นฟูผิวคล้ายกับเลเซอร์และโบท็อกซ์ แต่มีความแตกต่างในด้านการทำงาน:

  • Microneedling ใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อสร้างบาดแผลบนผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ไม่ใช้ความร้อนหรือสารเคมี ทำให้เหมาะกับทุกสภาพผิว
  • เลเซอร์ ใช้พลังงานจากแสงหรือความร้อนที่เจาะลึกถึงชั้นผิว สามารถลดรอยดำและฝ้า แต่ไม่เหมาะกับทุกสภาพผิว เนื่องจากมีโอกาสเกิดการระคายเคืองในผิวบางประเภท
  • โบท็อกซ์ มุ่งเน้นที่การลดเลือนริ้วรอย โดยการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เพื่อให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็ง แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวในระยะยาว
  • ฉีด PRP : หรือ Platelet-Rich Plasma ใช้พลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด ซึ่งสกัดจากเลือดของผู้รับการรักษาเอง การฉีด PRP หน้าใส มีปัจจัยการเจริญเติบโตที่ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวในระดับลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และมีสุขภาพดีขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูในระดับลึกและความกระจ่างใสอย่างยาวนาน

ผลลัพธ์ผิวที่ได้จากการทำ Microneedling

กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน

ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว โดยการสร้างบาดแผลขนาดเล็กบนผิวหนัง ร่างกายจะรับรู้ถึงบาดแผลนี้และตอบสนองด้วยการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ในบริเวณดังกล่าว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และกระชับมากขึ้น ผลการศึกษาบางชิ้นระบุว่าการผลิตคอลลาเจนอาจเพิ่มขึ้นได้ถึง 400% เมื่อทำลายครั้งภายใต้การดูแลของแพทย์

ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็นจากสิว

Microneedling คือ หัตถการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น โดยเฉพาะรอยแผลเป็นจากสิว การกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่สร้างขึ้นจากการทำหัตถการ ช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ จางลง และทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น ผิวที่เคยดูไม่เรียบเนียนจึงกลับมาดูสดใสและกระจ่างใสอีกครั้ง

กระชับรูขุมขนและทำให้ผิวเรียบเนียน

สามารถช่วยให้รูขุมขนดูกระชับขึ้นและลดขนาดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการผลิตเซลล์ผิวใหม่ทำให้รูขุมขนที่เคยกว้างดูกระชับมากขึ้น และทำให้ผิวดูละเอียดเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและลดปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ

ผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า หรือกระ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากเทคนิคนี้ช่วยให้เซลล์ผิวเก่าถูกผลัดออกไปพร้อมกับกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เมื่อเปรียบเมียบการทำกับ Pico laser เทคนิคนี้จะเผยผิวหน้าที่เคยหมองคล้ำจะกลับมาดูเนียนใสและสม่ำเสมอมากขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสอย่างเห็นได้ชัด

เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหน้า ทำให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น

กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น ผิวที่เคยหย่อนคล้อยจะกลับมาเต่งตึงและดูกระชับ โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย งานวิจัยบางชิ้นยังพบว่าผลลัพธ์จากการทำไมโครนีดลิ้งสามารถคงอยู่ได้นานถึง 6 เดือนเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง


ข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำ Microneedling

ข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำ Microneedling

ใครควรทำ และไม่ควรทำ

Microneedling เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส และต้องการลดเลือนริ้วรอยหรือรอยแผลเป็นจากสิว ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยหรือรูขุมขนกว้างก็สามารถได้รับประโยชน์จากเทคนิคนี้ อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มที่อาจไม่เหมาะกับการทำหัตถการนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย เช่น โรคผื่นแพ้ (Eczema) หรือโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
  • ผู้ที่มีสิวอักเสบรุนแรงหรือมีการติดเชื้อบนผิวหนัง
  • ผู้ที่มีรอยแผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) หรือมีแนวโน้มเป็นรอยแผลเป็นง่าย
  • ผู้ที่กำลังใช้ยาสเตียรอยด์หรือยารักษาสิวแรง ๆ เช่น Isotretinoin (Accutane) เนื่องจากยาเหล่านี้อาจทำให้ผิวอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลจากการทำ Microneedling

ข้อควรระวังและการเตรียมตัวก่อนการทำ

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) เช่น Ibuprofen ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการทำ เนื่องจากอาจทำให้เลือดไหลออกได้ง่ายขึ้น
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) รวมถึงเรตินอล (Retinol) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองระหว่างและหลังการทำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้ผิวอ่อนแอก่อนการทำ เช่น ครีมไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) หรือกรดวิตามินซี
  • งดการใช้สารกันแดดหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองทันทีในวันทำการ

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังการทำ

ผิวหน้าของคุณอาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายและมักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน โดยอาการที่อาจพบได้มีดังนี้:

  • รอยแดงและอาการบวม: หลังการทำผิวอาจมีรอยแดงและบวมประมาณ 1-3 วัน เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ผิวเริ่มกระตุ้นการฟื้นฟู การใช้เจลเย็นหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้
  • อาการระคายเคืองหรือรู้สึกตึงผิว: บางคนอาจรู้สึกตึงหรือระคายเคืองบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยน หรือเลือกใช้เจลว่านหางจระเข้ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
  • การลอกของผิว: เนื่องจากหัตถการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ผิวหนังบางส่วนอาจเริ่มลอกเป็นขุยในช่วงหลังการทำ แนะนำให้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความชุ่มชื้นสูงเพื่อฟื้นฟูผิว ลดความแห้งกร้านและช่วยให้ผิวเรียบเนียนอย่างรวดเร็ว
  • การป้องกันแสงแดด: หลังการทำผิวจะไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และหมั่นใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง ค่า SPF 30 PA ++++ ขึ้นไปจะดีที่สุด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม การใส่หมวกหรือกางร่มก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันแสงแดดไม่ให้กระทบกับผิวโดยตรง

ขั้นตอนการทำ Microneedling

ขั้นตอนการทำ Microneedling

การเตรียมผิวและการทายาชาก่อนเริ่มกระบวนการ

  1. ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ เพื่อประเมินความเหมาะสมในการทำ Microneedling และวางแผนการรักษา
  2. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างละเอียดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและสิ่งตกค้างที่อาจรบกวนการรักษา
  3. ทายาชาแบบครีมบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อบรรเทาความรู้สึกเจ็บระหว่างการทำ โดยทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์เต็มที่

วิธีการใช้เข็มขนาดเล็กในการกระตุ้นผิวชั้นใน

  1. เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่อง Microneedling ที่มีเข็มขนาดเล็ก (0.5-2 มิลลิเมตร) เจาะลงไปในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
  2. เข็มขนาดเล็กนี้จะสร้างบาดแผลขนาดจิ๋วเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายรับรู้ถึงความเสียหายที่ผิวและเริ่มกระบวนการซ่อมแซม
  3. ความลึกของเข็มและจำนวนครั้งในการเจาะจะถูกปรับให้เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคน

เวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนและผลลัพธ์ที่สามารถคาดหวังได้หลังทำ

ขั้นตอนทั้งหมดรวมถึงการเตรียมผิวและการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยหัตถการจริงใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดและบริเวณที่ต้องการรักษา

ผลลัพธ์หลังการทำ: ผิวจะเริ่มเปลี่ยนแปลงในช่วง 1-2 สัปดาห์ โดยเริ่มเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวหน้าดูกระชับและอ่อนเยาว์ สำหรับผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 4-6 สัปดาห์ ประมาณ 3-6 ครั้ง


การดูแลผิวหลังการทำ Microneedling

การดูแลผิวหลังการทำ Microneedling

ขั้นตอนการดูแลผิวหลังหัตถการ

  • หลังการทำ Microneedling ผิวอาจรู้สึกแห้งและระคายเคืองเล็กน้อย ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวและปราศจากสารระคายเคือง เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดตรง ๆ อย่างน้อย 7 วันหลังการทำ เนื่องจากผิวหลังการทำ Microneedling จะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง (อย่างน้อย SPF 30 ขึ้นไป) และหมั่นทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงเมื่อออกไปกลางแจ้ง
  • ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังทำ เนื่องจากเหงื่ออาจทำให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม

หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บางประเภทในช่วงฟื้นตัว

  • ในช่วง 3-5 วันแรกหลังการทำ Microneedling ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และเรตินอล (Retinol) เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแสบผิวได้
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารกันเสียที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบว่าเหมาะกับผิวบอบบางหลังหัตถการ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมบำรุง ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบรรเทาการอักเสบและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ระยะเวลาที่เหมาะสมในการทำซ้ำ

  • สำหรับการเห็นผลที่ชัดเจนและยาวนาน แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องทุก 4-6 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยประมาณ 3-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยหรือรอยแผลเป็นจากสิว การทำ Microneedling ซ้ำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและลดปัญหาดังกล่าวอย่างเห็นผล
  • การรักษาความสม่ำเสมอในการทำ และดูแลผิวตามคำแนะนำหลังทำจะช่วยให้ผิวคงความกระจ่างใส เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ในระยะยาว

Microneedling ทำเองที่บ้าน : ข้อแตกต่างและความปลอดภัย

Microneedling ทำเองที่บ้าน _ ข้อแตกต่างและความปลอดภัย

ความแตกต่างระหว่าง คลินิกและการใช้เครื่องมือแบบโฮมยูส

  • ระดับความลึกของเข็ม: Microneedling ที่ทำในคลินิกมักใช้เข็มที่มีความยาวประมาณ 0.5-2 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถเจาะลึกถึงชั้นผิวในระดับที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เครื่องมือหัตถการหน้าใสแบบโฮมยูส มักมีเข็มที่สั้นกว่านี้ (ประมาณ 0.25 มิลลิเมตรหรือน้อยกว่า) เพื่อลดความเสี่ยง แต่ประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนจะน้อยกว่ามาก
  • ประสบการณ์และความชำนาญ: ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกจะได้รับการฝึกฝนและมีความรู้ในการควบคุมความลึกและจำนวนครั้งในการเจาะ เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ขณะที่การทำที่บ้านอาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเนื่องจากขาดทักษะและความชำนาญ
  • ความปลอดภัยและการรักษาความสะอาด: ที่คลินิกมีมาตรฐานความสะอาดและการใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อ แต่การทำที่บ้านอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากอุปกรณ์ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง

ข้อดีและข้อเสียของการทำเองที่บ้าน

  • ข้อดี:
    • ความสะดวก: สามารถทำได้เองที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปคลินิก
    • ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า: เครื่องมือโฮมยูสมีราคาถูกกว่าการเข้าคลินิก ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัด
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเบา ๆ: เนื่องจากเข็มมีความยาวสั้นจึงทำให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นในระดับที่เบาบาง
  • ข้อเสีย:
    • ประสิทธิภาพน้อยกว่า: การใช้เครื่องมือแบบโฮมยูสอาจไม่สามารถเจาะลึกลงไปยังชั้นผิวหนังในระดับที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์ไม่คงทนและไม่ชัดเจนเท่ากับการทำในคลินิก
    • เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและติดเชื้อ: หากไม่มีความรู้ในการใช้เครื่องมือหรือไม่ได้รักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด อาจเสี่ยงต่อการเกิดการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บที่รุนแรงได้

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและคำแนะนำในการดูแลเครื่องมือ

  • ความเสี่ยงในการติดเชื้อ: หากเครื่องมือไม่ได้รับการฆ่าเชื้อหรือทำความสะอาดอย่างถูกต้อง อาจเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ผิวหนัง แนะนำให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ทำความสะอาดทุกครั้งก่อนและหลังการใช้งาน
  • ความเสี่ยงในการบาดเจ็บ: การใช้เครื่องมือโฮมยูสโดยขาดความชำนาญอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเกิดรอยแผลเป็น โดยเฉพาะหากใช้เข็มที่ลึกเกินไปหรือเจาะซ้ำในบริเวณเดิมมากเกินไป ควรศึกษาขั้นตอนการใช้งานให้เข้าใจก่อนและเริ่มต้นด้วยความเบามือ

คำแนะนำในการดูแลเครื่องมือ:

  1. ทำความสะอาดเครื่องมือด้วยแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% ขึ้นไปหลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
  2. เก็บเครื่องมือในที่สะอาดและแห้ง หลีกเลี่ยงความชื้นซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
  3. เปลี่ยนเครื่องมือเมื่อพบว่ามีเข็มหักหรือสนิม เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ

Microneedling เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการฟื้นฟูผิว ช่วยให้ผิวดูกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายตั้งแต่การลดเลือนริ้วรอยไปจนถึงการลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ทำให้วิธีนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การทำหัตถการนี้ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญในสถานที่ที่มีความปลอดภัย หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลผิวที่สามารถปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้นในระยะยาว ทำให้ Microneedling อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับคุณ


คำถามที่พบบ่อย

  1. Microneedling ทำได้บ่อยแค่ไหน?การทำควรเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวอย่างเต็มที่และเพื่อประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทั้งนี้ ความถี่ในการทำอาจปรับเปลี่ยนได้ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคน
  2. ผลลัพธ์จากการทำ Microneedling อยู่ได้นานแค่ไหน?ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน โดยการรักษาความชุ่มชื้นและการดูแลผิวตามคำแนะนำจะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น แนะนำให้ทำ Microneedling อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเพื่อคงความกระชับและความเรียบเนียนของผิวในระยะยาว
  3. การทำ Microneedling เจ็บมากน้อยแค่ไหน?ระหว่างการทำอาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีเนื้อบาง เช่น โหนกแก้ม แต่ก่อนการทำจะมีการทายาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างขั้นตอน การทำที่คลินิกโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความปลอดภัยสูง
  4. Microneedling เหมาะกับปัญหาผิวประเภทใดบ้าง?หัตถการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมถึงผู้ที่ต้องการเพิ่มความกระชับและฟื้นฟูความสดใสของผิวหน้า

อ้างอิง

  1. Microneedling, Cleveland clinic, May 23, 2022, https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/23113-microneedling
  2. Kristeen Cherney, Microneedling: Collagen Induction Therapy, Healthline, September 28, 2023, https://www.healthline.com/health/microneedling
  3. Nicole Galan, What is microneedling? Benefits and use, medical news today, January 9, 2019. https://www.medicalnewstoday.com/articles/324138