เทอร์มาจ คือ ? เจ็บไหม เหมาะกับใคร มาเช็คหัตกรรมก่อนตัดสินใจทำ

เทอร์มาจ คือ ? เจ็บไหม เหมาะกับใคร มาเช็คหัตกรรมก่อนตัดสินใจทำ

เทอร์มาจ (Thermage) ได้รับการยอมรับในฐานะเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่เป็นนวัตกรรมล้ำสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้กระชับ เรียบเนียน เผยลุคที่เปรี้ยวซ่า หน้าดูแซ่บเผ็ดพริกสิบเม็ดเหมือนน้ำพริก puisabpak โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ด้วยการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เทอร์มาจสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึก พร้อมทั้งช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาเต่งตึงและยืดหยุ่นได้อย่างมีสุขภาพ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและอ่อนเยาว์ขึ้น การรักษานี้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่มั่นใจได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แม้ว่าเทอร์มาจจะมอบผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง แต่หลาย ๆ คนอาจเกิดคำถามขึ้นว่าการทำหัตถกรรมนี้เจ็บไหม? หรือจะเหมาะกับปัญหาผิวของเราเองหรือไม่ ในบทความนี้เราจะตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงวิธีการทำงานว่า เทอร์มาจ คือ ?, ผลลัพธ์ที่คาดหวัง, และข้อดีข้อเสียของเทอร์มาจ รวมถึงใครที่เหมาะกับหัตถการนี้มากที่สุด มาตรวจสอบความพร้อมก่อนการตัดสินใจว่า การทำเทอร์มาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์สำหรับคุณหรือไม่


หัตถกรรม เทอร์มาจ คือ อะไร?

หัตถกรรม เทอร์มาจ คือ อะไร

เทอร์มาจ คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุชนิดขั้วเดียว (Monopolar RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับผิวหน้าให้กระชับและเรียบเนียนอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น

ใช้หลักการทำงานของคลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF)

คลื่นวิทยุ RF ของเทอร์มาจ ทำงานโดยการส่งพลังงานความร้อนลงไปในผิวชั้นลึก ทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่หดตัวทันที ซึ่งส่งผลให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงยิ่งขึ้น ภายในเวลา 2-6 เดือนหลังการรักษา โดยคอลลาเจนที่ถูกสร้างใหม่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและมีความกระชับในระยะยาว โดยผลลัพธ์ของการทำเทอร์มาจสามารถคงอยู่ได้ถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคลเลยทีเดียว

ครอบคลุมทุกชั้นผิว

เครื่องสามารถส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีคอลลาเจนและอิลาสตินคอยรักษาความยืดหยุ่นของผิว รวมถึงสามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) จึงสามารถยกกระชับใบหน้าและลำตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดไขมันสะสมและแก้ไขความหย่อนคล้อย โดยไม่ทำลายผิวชั้นบนสุด (Epidermis) ทำให้ผิวดูแน่นและกระชับขึ้นทันทีหลังทำ และคงประสิทธิภาพได้ในระยะยาว

โครงสร้างผิวของเราประกอบไปด้วย 3 ชั้นหลัก ๆ ได้แก่

  • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis): เป็นชั้นนอกสุดของผิว ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและสิ่งสกปรกต่าง ๆ
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis): ชั้นนี้ประกอบด้วยคอลลาเจนและอิลาสตินซึ่งเป็นเสาหลักของความยืดหยุ่นผิว ช่วยให้ผิวคงความตึงและเรียบเนียน
  • ชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous): มีเซลล์ไขมันเป็นหลัก ช่วยเพิ่มความหนาและกระชับของผิว ความหนาของชั้นนี้จะแตกต่างไปตามปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล

เทอร์มาจสามารถส่งพลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุลงลึกได้ถึงทั้ง 3 ชั้นผิว จึงไม่เพียงแต่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เท่านั้น แต่ยังช่วยสลายไขมันสะสมบริเวณใบหน้า ทำให้ผิวกระชับและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น หากคุณเคยผ่านการทำฉีดหรือรีจูรันช่วยเรื่องอะไร คุณจะเห็นความแตกต่างของทั้งสองอย่างนี้ ว่านอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูผิวชั้นหนังกำพร้าให้เรียบเนียน กระชับรูขุมขน ซึ่งเป็นสิ่งที่เครื่องมือยกกระชับผิวอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้

Thermage อันไหนตัวใหม่ล่าสุด?

Thermage FLX เป็นรุ่นล่าสุดของเทอร์มาจ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยี AccuREP ที่สามารถปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับผิวของแต่ละบุคคลในแบบเรียลไทม์ ทำให้ผลการรักษามีความสม่ำเสมอและล้ำลึกมากขึ้น นอกจากนี้ หัวอุปกรณ์ของรุ่น FLX ยังได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 25% ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ในการรักษาได้มากขึ้น ลดระยะเวลาในการทำหัตถการให้เสร็จสิ้นใน 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่รักษา


ตอบทุกคำถาม เทอร์มาจ คือ ? แล้วเจ็บมากไหม?

ตอบทุกคำถาม เทอร์มาจ คือ ? แล้วเจ็บมากไหม

ความรู้สึกขณะทำ

ขณะทำ ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกถึงความร้อนอุ่น ๆ ในบริเวณชั้นผิวลึก เนื่องจากคลื่นวิทยุ (RF) ถูกส่งไปยังกระตุ้นคอลลาเจนที่ชั้นผิวด้านใน เพื่อลดความไม่สบายผิว ต่างจากประเภท Pico laser เทอร์มาจจะปล่อยคลื่นความร้อนพร้อมกับสเปรย์เย็นซึ่งจะถูกพ่นบนผิวชั้นบน ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการไหม้จากความร้อนและลดการระคายเคือง ผลลัพธ์ คือ ผิวที่เต่งตึงและกระชับ โดยผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ

ไม่ต้องผ่าตัดและเจ็บน้อยกว่า

เนื่องจากหัตถการนี้เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่านการผ่าตัดหรือการเจาะผิว ซึ่งช่วยให้ผู้รับบริการเจ็บน้อยกว่าหัตถการที่มีการใช้เข็มหรือมีดผ่าตัดมาก โดยส่วนใหญ่จะรู้สึกเพียงแค่ความร้อนอุ่น ๆ ในผิวชั้นลึก ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือบาดแผลที่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ซึ่งหมายความว่าหลังจากทำ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องหยุดพักฟื้นใด ๆ

เทคนิคเสริมสำหรับคนกลัวเจ็บ

เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายระหว่างการทำ คุณสามารถทายาชาบริเวณผิวที่ทำการรักษาก่อนเริ่มทำประมาณ 30-45 นาที และยังมีการใช้ PRO-NOX หรือ “ก๊าซหัวเราะ” ที่ช่วยผ่อนคลายความกังวลและลดความรู้สึกไม่สบายผิว ผู้เข้ารับการรักษาจึงรู้สึกผ่อนคลายตลอดการทำเทอร์มาจ และมีประสบการณ์การรักษาที่คุณไม่ต้องวิตกกังวล


หัตถการนี้เหมาะกับใคร?

หัตถการนี้เหมาะกับใคร

เทอร์มาจ เป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการการยกกระชับแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดหรือเสี่ยงต่อการเจ็บตัว การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคอลลาเจนในผิว ให้ผิวกลับมาดูสดใสและเต่งตึงขึ้น เป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทันทีและชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

บริเวณที่เหมาะกับการทำเทอร์มาจ

เทอร์มาจสามารถทำได้ในหลายส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เช่น ใบหน้า, รอบดวงตา, กรอบหน้า, คาง, และเหนียง ซึ่งมักเป็นบริเวณที่คอลลาเจนลดน้อยลงตามอายุ นอกจากนี้ยังสามารถทำในส่วนของแขน ต้นขา และหน้าท้อง เพื่อลดความหย่อนคล้อยและกระชับผิวในบริเวณเหล่านี้ได้อีกด้วยตัวเครื่องจะช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียนและเพิ่มความกระชับ ทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีความตึงกระชับมากยิ่งขึ้น

ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบธรรมชาติและกลัวการผ่าตัด

หัตการนี้นับได้ว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น การทำไม่ก่อให้เกิดแผลหรือรอยแผลเป็น จึงทำให้สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังการรักษา นอกจากนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ยังเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งเกินไป ทำให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นเหมือนใหม่

Thermage ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง?

Thermage เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่สามารถทำได้ในหลากหลายตำแหน่งทั่วร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับและฟื้นฟูผิวให้ดูเต่งตึงในบริเวณที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย โดยบริเวณหลัก ๆ ที่สามารถทำเทอร์มาจได้ ได้แก่:

  • ใบหน้าและกรอบหน้า : บริเวณใบหน้าเป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยมสูงในการทำเทอร์มาจ โดยเฉพาะส่วนของแก้ม กรอบหน้า และคาง ซึ่งเทอร์มาจจะช่วยยกกระชับผิว ลดการหย่อนคล้อย และทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • รอบดวงตาและเปลือกตา : เทอร์มาจสามารถใช้ได้ในบริเวณรอบดวงตา ช่วยลดริ้วรอยที่มักเกิดเป็นเส้นบาง ๆ (Crow’s feet) และช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หนังตาตก หรือเปลือกตาหย่อนคล้อย ทำให้ดวงตาดูกระชับ สดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ลำคอและใต้คาง : การทำเทอร์มาจบริเวณลำคอและใต้คางจะช่วยลดความหย่อนคล้อยและปรับผิวให้ดูตึงกระชับขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีเหนียงหรือผิวบริเวณใต้คางหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นจุดที่มักแสดงสัญญาณอายุได้ชัดเจน
  • แขน ต้นขา และหน้าท้อง : นอกจากบนใบหน้าแล้ว เทอร์มาจยังสามารถทำได้ในบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง โดยช่วยลดความหย่อนคล้อยและทำให้ผิวกระชับขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณเหล่านี้แต่ไม่ต้องการผ่าตัด ลดการหย่อนยานของผิว ทำให้รูปร่างดูเฟิร์มขึ้น

การเตรียมตัวก่อนรับการรักษา

การเตรียมตัวก่อนรับการรักษา

เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด เตรียมผิวก่อนทำเทอร์มาจเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยการเตรียมตัวจะช่วยลดการระคายเคืองและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการรักษา ดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำทรีตเมนต์เข้มข้น : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเข้มข้น เช่น กรดวิตามินเอ (Retinoid) หรือสารเคมีที่อาจทำให้ผิวอ่อนไหว เป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำการรักษา เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือการขัดผิวในช่วงก่อนทำเทอร์มาจ เพื่อไม่ให้ผิวบางลงหรือเสี่ยงต่อการอักเสบ
  • ทำความสะอาดผิวหน้าและเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ : ก่อนเข้ารับการรักษา ควรล้างหน้าให้สะอาดโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง พร้อมกับเช็ดผิวให้แห้ง แพทย์อาจให้ทายาชาบริเวณที่ต้องการทำ เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวขณะทำ โดยจะต้องรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาทีก่อนเริ่มการรักษา

ผลลัพธ์ของเทอร์มาจและวิธีการดูแลหลังทำ

หลังจากทำทันที ผู้เข้ารับการรักษาจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวที่กระชับขึ้นและดูอิ่มเอิบขึ้นทันที ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 2-6 เดือน เนื่องจากคอลลาเจนใหม่ที่ถูกกระตุ้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังทำการรักษา

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังทำ

ผิวจะดูกระชับและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รูขุมขนจะดูเล็กลงเล็กน้อย และผิวจะดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังการรักษา นอกจากนี้ ผิวจะมีออร่าและดูสดใสมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ

ความคงทนของผลลัพธ์

ผลลัพธ์ของการทำเทอร์มาจสามารถคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี โดยความคงทนนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาผิวของแต่ละบุคคล การปฏิบัติตัวและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด, การทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ, และการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เสริมสร้างคอลลาเจน

การดูแลตัวเองหลังจากนี้

หลังจากทำเทอร์มาจ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัดโดยตรง เนื่องจากแสงแดดจะทำลายคอลลาเจนและลดผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษา นอกจากนี้ ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือคอลลาเจนเป็นประจำ เพื่อช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิว และหลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือทำเลเซอร์ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำ เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว


ข้อดีและข้อเสียของหัตการเทอร์มาจ

ข้อดีและข้อเสียของหัตการเทอร์มาจ

ข้อดีที่น่าสนใจ

การทำเทอร์มาจมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่นิยมในการยกกระชับผิว โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลผิวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เทอร์มาจยังไม่ก่อให้เกิดแผล เนื่องจากเป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ทำให้ไม่มีความเสี่ยงจากบาดแผลหรือการติดเชื้อ ผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบใหญ่สำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ยุ่ง

ข้อเสียที่ควรคำนึง

แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย แต่การทำเทอร์มาจก็มีข้อเสียเล็กน้อย โดยเฉพาะในด้านค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการยกกระชับผิวแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ ในบางกรณีอาจต้องทำซ้ำทุก 1-2 ปีเพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว การทำเทอร์มาจก็อาจไม่แสดงผลทันที และต้องรอให้คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นสร้างตัวก่อน จึงจะเห็นผลเต็มที่ในช่วง 2-6 เดือนหลังทำ

Thermage และ Microneedling ในการฟื้นฟูผิว

เทอร์มาจ (Thermage) และ Microneedling เป็นสองเทคนิคที่ใช้ในการฟื้นฟูและปรับสภาพผิว แต่มีหลักการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Thermage ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) ที่ปล่อยคลื่นความร้อนเข้าสู่ผิวชั้นลึกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระบวนการนี้ทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่หดตัวทันที และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และเต่งตึงขึ้นในทันที จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า รอบดวงตา และลำคอ สำหรับการใช้ Microneedling นั้น เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มขนาดเล็กเจาะลงบนผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจากบาดแผลขนาดจิ๋วที่เกิดขึ้น ทำให้ร่างกายซ่อมแซมผิวและสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระบวนการนี้ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิว ปรับผิวให้เรียบเนียน และเพิ่มความกระจ่างใส เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว เช่น รอยแผลเป็นจากสิว รูขุมขนกว้าง และสีผิวไม่สม่ำเสมอ โดยเน้นที่การฟื้นฟูผิวชั้นตื้นมากกว่าการกระชับผิวชั้นลึก

ความแตกต่างในผลลัพธ์ของ Thermage และ Microneedling

  • Thermage: ให้ผลในการกระชับผิวชั้นลึกและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนทันทีหลังการทำ และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 1-2 ปี
  • Microneedling: ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ลดเลือนรอยแผลเป็นและริ้วรอยเล็ก ๆ โดยต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ และควรทำซ้ำต่อเนื่องเพื่อคงความเรียบเนียนของผิว

การฟื้นฟูและระยะเวลาพักฟื้น

  • Thermage: เป็นการรักษาที่ไม่ต้องพักฟื้น หลังการทำสามารถเห็นผิวที่กระชับขึ้นทันที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้โดยไม่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือแสงแดด
  • Microneedling: ผิวจะมีอาการแดงและบวมเล็กน้อยหลังการทำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-3 วันในการฟื้นฟู และในช่วงแรกต้องระมัดระวังในการหลีกเลี่ยงแสงแดดเพื่อป้องกันการระคายเคือง

ความเหมาะสมในการเลือกใช้

  • Thermage เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความกระชับและลดเลือนริ้วรอยในผิวชั้นลึก โดยไม่ต้องการพักฟื้นและต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที
  • Microneedling เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็นจากสิว รูขุมขนกว้าง และต้องการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน โดยผู้เข้ารับการรักษาอาจต้องการทำซ้ำเป็นระยะเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เราสรุปได้ว่า เทอร์มาจ เป็นนวัตกรรมในการยกกระชับผิวที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ลึกถึงชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึง, เรียบเนียน, และอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ การรักษาด้วยหัตถการนี้ไม่ต้องผ่านการผ่าตัด, ไม่มีแผล, และไม่ต้องพักฟื้น ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวโดยไม่ยุ่งยากและไม่ต้องหยุดงาน ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้ผิวดูแข็งแรงสดใส และมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นอย่างยาวนานเป็นปี สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาการทำเทอร์มาจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเพื่อทำการประเมินผิวและพิจารณาความเหมาะสมในการรักษา เพราะการวางแผนการดูแลผิวที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุด


คำถามที่พบบ่อย

  1. การทำหัตถการเทอร์มาจเจ็บมากไหม?
    ขณะทำอาจรู้สึกอุ่น ๆ ในชั้นผิว โดยมีการสลับระหว่างการปล่อยคลื่นวิทยุกับสเปรย์เย็นเพื่อปกป้องผิวชั้นนอก ซึ่งทำให้ความรู้สึกขณะทำไม่ถึงขั้นเจ็บจนทนไม่ได้ หากมีความกังวลเรื่องความเจ็บ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอใช้ยาชาเฉพาะที่หรือก๊าซหัวเราะ (PRO-NOX) เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้
  2. หลังทำเทอร์มาจต้องพักฟื้นหรือไม่?
    การทำเทอร์มาจเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีบาดแผลหรือความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังทำ และไม่ต้องมีการพักฟื้น ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีตารางงานแน่นหรือไม่ต้องการหยุดพักหลังการรักษา
  3. ผลลัพธ์ของเทอร์มาจคงอยู่ได้นานแค่ไหน?
    ผลลัพธ์ของการทำเสามารถคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและปัจจัยส่วนบุคคล การป้องกันผิวจากแสงแดด การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสม รวมถึงการทานอาหารที่มีประโยชน์และการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยยืดอายุของผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
  4. เทอร์มาจเหมาะกับใครบ้าง?
    วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่ต้องการการผ่าตัด และมองหาการยกกระชับผิวที่ให้ผลลัพธ์แบบธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับใบหน้า กรอบหน้า คาง และบริเวณอื่น ๆ เช่น แขน ต้นขา หรือหน้าท้อง

อ้างอิง

  1. Sara Lindberg, “Thermage vs. Ultherapy”, Healthline, March 16, 2021, https://www.healthline.com/health/thermage-vs-ultherapy.
  2. Jordan Rosenfeld, “What Is Thermage® and How Much Does It Cost?”, Care credit, May 17, 2024, https://www.carecredit.com/well-u/health-wellness/thermage-cost
  3. Rebecca Norris, “Thermage: All Your Questions, Answered”, byrdie, December 07, 2021, https://www.byrdie.com/thermage-5208974.