ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม? ข้อควรรู้และการเตรียมตัวก่อนฉีด

นอกจากใบหน้าที่ขาวสวยใสเปล่งประกายแล้ว ดวงตาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สวยให้ภาพลักษณ์โดยรวมของคุณสวยสง่าได้ แต่หากใครที่ทำงานหนักหรือมีพันธุกรรมใต้ตาคล้ำ ก็คงจะต้องลำบากไม่ใช่น้อยที่ต้องหาสารพันวิธีปกปิดรอยคล้ำเช่นนี้ ต้องขอบคุณนวตกรรมใหม่ ๆ เพราะปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ง่ายดายด้วยการ ฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ที่เนรมิตให้ใต้ตาสว่างใส ดูขาวเปล่งปลั่ง และข้อสำคัญคือทำให้หน้าดูเด็กลง แต่อย่างไรก็ตามการทำหัตถกรรมนี้ค่อนข้างใกล้กับอวัยวะที่บอบบาง ทำให้หลายคนเกิดความกลัวว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า? ในบทความนี้ จะมาแนะนำข้อมูลของฟิลเลอร์ใต้ตาในทุกมิติ พร้อมวิธีเตรียมพร้อมก่อนรับมือทำหัตกรรมอย่างปลอดภัย เพื่อให้คุณเข้าใจและมั่นใจในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล


ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือหนึ่งในวิธีการฉีดเพื่อการรักษาที่มุ่งเน้นไปที่การลดเลือนรอยคล้ำและถุงใต้ตา ช่วยให้ดวงตาของคุณดูเปล่งปลั่งและหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มบริเวณที่มีการหย่อนคล้อยหรือมีปริมาณลดลงใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียไขมันตามธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงของช่วงวัย สารที่ใช้ในการฉีดมีความปลอดภัยสูงและผ่านการรับรองจากหน่วยงานควบคุมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างความอ่อนเยาว์และให้ดวงตาของคุณสว่างไสวอีกครั้ง

การทำหัตถกรรมนี้ จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ฟิลเลอร์ยกหน้า สำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงหรือฟื้นฟูรูปลักษณ์ให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยวัสดุที่ได้มาตรฐานและการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ ฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนปัญหารอยคล้ำและถุงใต้ตา ทำให้คุณสามารถมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองได้มากยิ่งขึ้น


ประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้บริเวณใต้ตา

ประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้บริเวณใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถใช้วัสดุหลายประเภท ซึ่งแต่ละชนิดตอบสนองต่อความต้องการและผลลัพธ์ที่คาดหวังของผู้รับการรักษาได้แตกต่างกัน:

  • ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid – HA): เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการใช้งานใต้ตา เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวพรรณดูอิ่มเอิบและมีชีวิตชีวา
  • คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทท์ (Calcium Hydroxylapatite – CaHA): มีอนุภาคคาลเซียมและฟอสเฟตที่คล้ายคลึงกับแร่ในกระดูกและฟัน ใช้สำหรับเติมเต็มริ้วรอยที่ลึกขึ้น ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและฟื้นฟู
  • โพลีแอล-แลคติก แอซิด (Poly-L-lactic Acid – PLLA): ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น, ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ แม้จะต้องใช้เวลานานในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมควรพิจารณาจากความต้องการเฉพาะและคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง การปรึกษาและการตัดสินใจควรทำอย่างรอบคอบ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้รับการรักษา


ประโยชน์ของหัตถการเติมน้ำใต้ตา

ประโยชน์ของหัตถการเติมน้ำใต้ตา

การใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในบริเวณรอบดวงตา ซึ่งรวมถึงรอยคล้ำและถุงใต้ตาที่อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ความเหนื่อยล้า, การขาดน้ำ, หรือแม้กระทั่งกรรมพันธุ์ ฟิลเลอร์ช่วยให้พื้นที่เหล่านี้ดูเต็มขึ้นและลดการปรากฏของอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การลดรอยคล้ำและถุงใต้ตา

หนึ่งในประโยชน์หลักของการใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ ความสามารถในการลดรอยคล้ำและถุงใต้ตา ที่มักทำให้ดวงตาดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าอายุจริง ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่มีการสูญเสียปริมาณไขมัน ทำให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น การเติมเต็มนี้ช่วยลดเงาและสีที่เข้มของรอยคล้ำ ทำให้ดวงตาดูพักผ่อนเพียงพอและสดชื่นมากขึ้น

การปรับปรุงรูปลักษณ์ของดวงตาให้ดูสดใส

นอกจากการลดรอยคล้ำและถุงใต้ตาแล้ว ฟิลเลอร์ยังมีส่วนช่วยในการปรับปรุงรูปลักษณ์โดยรวมของดวงตาให้ดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น เพิ่มปริมาณและความเต่งตึงในพื้นที่ใต้ตาช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดลักษณะของริ้วรอยและทำให้ผิวดูเรียบเนียน ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าที่ดูสดใส อ่อนเยาว์ และมีชีวิตชีวามากขึ้นไม่แพ้การทำฉีดสเต็มเซลล์ โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องสำอางค์เพื่อปิดบังปัญหาเหล่านี้


การเตรียมตัวก่อนฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีด

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีการที่ช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น การเตรียมตัวอย่างถูกวิธีก่อนการฉีดจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ควรทำ

เลือกแพทย์ที่ชำนาญ

  • ศึกษาประวัติแพทย์: ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ มีส่วนสำคัญต่อผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือกแพทย์ที่มีใบอนุญาตและประวัติการทำงานที่ชัดเจน
  • ตรวจสอบผลงาน: พิจารณาผลลัพธ์ก่อนหลังของผู้ที่เคยรับการรักษา เพื่อประเมินคุณภาพการทำงานของแพทย์

ปรึกษากับแพทย์

  • ทำนัดหมาย: สำคัญมากที่จะต้องมีการนัดหมายปรึกษากับแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวัง และผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • เข้าใจถึงความเสี่ยง: แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงและข้อจำกัดของการรักษา เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลครบถ้วนก่อนตัดสินใจ

ขั้นตอนการเตรียมตัว

  • งดยาและอาหารเสริม: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการงดยาหรืออาหารเสริม ที่อาจทำให้เกิดเลือดออกหรือช้ำได้ง่ายในบริเวณที่จะฉีด
  • ดูแลผิว: ตามคำแนะนำของแพทย์ อาจต้องมีการดูแลผิวพรรณเพื่อให้พร้อมสำหรับการรักษา เช่น การทำความสะอาดผิวหรือการใช้ผลิตภัณฑ์บางอย่างก่อนการฉีด

ดูแลตนเองหลังหัตถการ

ดูแลตนเองหลังหัตถการ

หลังจากที่คุณได้รับการฉีดเรียบร้อยแล้ว การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและยั่งยืน นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจตามมา ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับการดูแลตัวเอง

  • ห้ามแตะต้องหรือขยี้บริเวณที่ฉีด: การสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้ฟิลเลอร์กระจายออกไปไม่เท่ากันหรืออาจนำเชื้อโรคเข้าสู่บริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ จึงควรระมัดระวังไม่ให้มือหรือวัตถุใดๆ สัมผัสบริเวณนั้น
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและอากาศร้อน: ความร้อน สามารถทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์บวมหรือช้ำมากขึ้นได้ การอยู่ในที่เย็นช่วยลดอาการบวมและช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดี ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการไปซาวน่า การอาบน้ำร้อนจัด หรือการออกกำลังกายหนักในช่วงสามวันแรก
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารเฉพาะ: แอลกอฮอล์และอาหารบางประเภท เช่น อาหารเผ็ดร้อน อาหารหมักดอง อาจทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์บวมหรือช้ำมากขึ้นได้ การงดเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงและช่วยให้ฟิลเลอร์ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • งดการสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของผิวหนัง ทำให้การฟื้นฟูจากการฉีดฟิลเลอร์ช้าลงและอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
  • ควบคุมการขยับใบหน้า: การขยับใบหน้ามากเกินไปหลังจากฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่ต้องการ จึงควรจำกัดการแสดงออกทางใบหน้าในช่วง 3 วันแรกเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ดีที่สุด
  • การดูแลหลังฉีด: หลังการฉีดฟิลเลอร์ 1 ชั่วโมง คุณสามารถถอดพลาสเตอร์หรือผ้าปิดบริเวณที่ฉีดออกได้ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์เพื่อการดูแลที่ดีที่สุด

ช่วงเวลาการฟื้นฟูและการติดตามผล

หลังจากที่คุณได้รับการฉีดแล้วก็สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยทันที แต่ทุกคนจะต้องเผชิญกับอาการบวมหรือมีรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยปกติแล้วจะค่อยๆ หายไปภายในเวลาไม่เกิน 2-3 วัน โดยระหว่างนั้นอย่าลืมใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA++++ เสมอ เนื่องจากแสงแดดจะทำร้ายชั้นผิว และที่สำคัญคือ ควรทำการนัดหมายแพทย์เพื่อติดตามอาการ เพื่อที่ทั้งคุณและแพทย์จะได้ร่วมกันตรวจสอบและประเมินผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยและวางแผนการปรับปรุงเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น

การกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้ทันทีนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดาย แต่ก็อาจพบกับอาการบวมหรือมีรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ได้รับการฉีด ซึ่งโดยปกติแล้วจะค่อยๆ หายไปภายในเวลาไม่เกิน 2-3 วัน ที่สำคัญ, การนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษากับแพทย์ที่ดูแลคุณเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพื่อที่ทั้งคุณและแพทย์จะได้ร่วมกันตรวจสอบและประเมินผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยและวางแผนการปรับปรุงเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น การทำแบบนี้จะทำให้คุณมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและตรงใจ รวมถึงการรักษาผลลัพธ์ที่สวยงามในระยะยาว โดยปลอดภัยและมีความสุขกับการตัดสินใจของคุณ


ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและข้อควรระวัง

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมสูงในการปรับปรุงรูปลักษณ์ใต้ตา แต่เช่นเดียวกับการรักษาด้วยวิธีการทางการแพทย์อื่นๆ การฉีดฟิลเลอร์ก็มีความเสี่ยงที่ควรทราบและข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติตามเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้น

บวมช้ำ

เป็นเรื่องธรรมดาหลังการฉ๊ดก็เกิดอาการซ้ำเกิดขึ้น ผลข้างเคียงที่เห็นได้บ่อยนี้ ซึ่งในส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในไม่กี่วันหลังหัตถการ

ติดเชื้อ

ถึงแม้ว่าโอกาสจะน้อย แต่การฉีดก็มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การติดเชื้อ หากกระบวนการฉีดไม่ได้ทำภายใต้สภาพแวดล้อมที่สะอาดและได้มาตรฐานการปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด

บริเวณฉีดเป็นก้อน

บางครั้งฟิลเลอร์อาจไม่กระจายเท่า ๆ กันใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดก้อนหรือลูกปืนภายใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจต้องมีการดูแลและปรับแต่งเพิ่มเติมจากแพทย์ หรือต้องเปลี่ยนประเภทฟิลเลอร์ให้ดูธรรมชาติมากขึ้น

ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ

หากการฉีดไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณที่มากเกินไปหรือวิธีการฉีดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้รูปลักษณ์ที่ได้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เช่นนี้


การใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการปรับปรุงรูปลักษณ์ตา ทำให้ดวงตาดูสดใสและลดลักษณะของรอยคล้ำหรือถุงใต้ตา อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์นั้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จำเป็นต้องพิจารณาและเตรียมการอย่างรอบคอบ ทั้งในเรื่องของการเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ การปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการมีความเข้าใจในเรื่องความเสี่ยงและข้อควรระวังเพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงเน้นย้ำความปลอดภัยเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณแน่ใจว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ได้ผลลัพธ์ตรงกับที่คาดหวังไว้ และสร้างความพึงพอใจในระยะยาว


คำถามที่พบบ่อย

1. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลานานแค่ไหน?

ปกติแล้วเวการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาไม่นาน ใช้เวลาเพียงประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น ซึ่งเวลาจะขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลและรายละเอียดของการรักษาที่ต้องการ

2. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความเจ็บปวดหรือไม่?

ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อยในระหว่างการฉีดเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วง เพราะแพทย์จะใช้ครีมชาหรือยาชาที่บริเวณนั้นก่อนเริ่มการฉีด เพื่อลดความเจ็บปวดให้น้อยที่สุด

3. ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานเท่าไหร่?

ความอยู่ทนของฟิลเลอร์ใต้ตามีตั้งแต่ 6 ถึง 18 เดือน โดยแตกต่างกันไปตามประเภทของฟิลเลอร์ที่ใช้และการตอบสนองของร่างกายของแต่ละบุคคล

4. หลังการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องพักฟื้นหรือไม่?

คุณสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่แพทย์แนะนำว่าไม่ควรทำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงและช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้อย่างดีที่สุด


อ้างอิง

  1. Liza Bain, Everything You Need to Know Before Getting Under-Eye Filler, Good Housekeeping, September 30, 2022, https://www.goodhousekeeping.com/beauty/anti-aging/a41395666/under-eye-filler/.
  2. Sacha Srebe, Under-Eye Filler Completely Changed My Face, Here’s How, Brydie, January 18, 2024, https://www.byrdie.com/under-eye-fillers-5112766.
  3. Corey Whelan, All About Eye Fillers, Healthline, February 22, 2020, https://www.healthline.com/health/eye-fillers.