เมื่อเวลาผ่านไป เราต้องเผชิญกับปัจจัยในชีวิตประจำวันที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ทั้งความเครียด แสงแดดสะสม หรือมลภาวะ ผิวของเราย่อมแสดงการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ริ้วรอยบาง ๆ ที่เคยมองข้าม หรือความหย่อนคล้อยเล็ก ๆ ที่เคยไม่ใส่ใจ อาจเริ่มเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดขึ้นในกระจก สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อรูปลักษณ์ แต่ยังอาจกระทบความมั่นใจของเราไปด้วย ในปัจจุบัน การดูแลผิวได้พัฒนาไปอย่างมาก มีทางเลือกใหม่ ๆ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดเลือนริ้วรอยหรือเติมเต็มผิว แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูผิวในระยะยาว หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือการ ฉีด Radiesse ซึ่งไม่ได้แค่ช่วยลดปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยเท่านั้น แต่ยังช่วยยกกระชับใบหน้าและปรับโครงหน้าให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ เรเดียสกันให้มากขึ้น ตั้งแต่เริ่มต้นว่าเทคโนโลยีนี้มีที่มาอย่างไร กลไกการทำงาน ไปจนถึงประโยชน์ที่ช่วยเปลี่ยนผิวของคุณให้ดูสวยสมบูรณ์แบบขึ้น โดยหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจเลือกการดูแลผิวที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ฉีด Radiesse ตัวช่วยยกกระชับ เติมเต็มความอ่อนเยาว์ให้ผิว
เมื่อพูดถึงการดูแลผิวและการลดเลือนริ้วรอย หลายคนอาจคุ้นเคยกับฟิลเลอร์แบบทั่วไปที่ช่วยเติมเต็มปริมาตรของผิว แต่เรเดีนส เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ไม่ได้มีแค่การเติมเต็มผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในระยะยาว
เรเดียสคืออะไร?
การ ฉีด Radiesse เป็นสารเติมเต็มผิวในกลุ่ม Biostimulator ซึ่งมีความสามารถในการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) สารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ เช่น ในกระดูกและฟัน ทำให้ Radiesse สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายโดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือการต่อต้าน
คุณสมบัติเด่นนอกจากการช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย ยังรวมถึงการยกกระชับผิวหน้าและปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ดูเต่งตึงมากขึ้น เมื่อฉีดเรเดียสเข้าไปใต้ผิว สาร CaHA จะเริ่มทำงานทันทีในฐานะสารเติมเต็ม แต่ที่พิเศษคือมันจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
ฉีด Radiesse ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร?
- ส่วนประกอบ : ฟิลเลอร์ HA ใช้กรดไฮยาลูโรนิกในการเพิ่มปริมาตรผิว แต่เรเดียสมีสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ซึ่งทำหน้าที่เติมเต็มพร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว กระบวนการนี้ช่วยให้ผิวกลับมามีความยืดหยุ่นและสุขภาพดีจากภายใน นอกจากนี้ Radiesse ยังสามารถทำงานร่วมกับนวัตกรรมอื่น เช่น Potenza ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ผลลัพธ์ : ฟิลเลอร์ HA ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะสั้นและเหมาะกับการเติมเต็มจุดเล็ก ๆ แต่เรเดียสมีความสามารถในการยกกระชับและฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ถึง 18-24 เดือน
- เนื้อสัมผัส : เรเดียสมีเนื้อเจลที่หนักกว่า เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่ต้องการความคมชัด เช่น กรอบหน้า คาง หรือร่องลึก ขณะที่ฟิลเลอร์ HA มีหลากหลายเนื้อสัมผัสให้เลือกตามจุดที่ฉีด
Radiesse ทำงานอย่างไร? เผยกลไกการคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว
ถ้าพูดถึงเรเดียสหลายคนอาจรู้ว่าเป็นตัวช่วยยกกระชับผิวและเติมเต็มร่องลึกที่เห็นผลได้ดี แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่น คือ กระบวนการทำงานที่ลงลึกถึงระดับเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และอ่อนเยาว์
กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินได้ดีกว่า
หลังจากการฉีดข้าสู่ผิว สาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) จะทำหน้าที่เหมือน “ตัวกระตุ้น” ที่ปลุกการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดผิวหรือที่เรียกว่า Fibroblast ให้กลับมาสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างเต็มที่
- สร้าง Collagen Type I และ III : คอลลาเจน Type I เป็นโครงสร้างสำคัญของผิวที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระชับ ส่วนคอลลาเจน Type III หรือที่เรียกว่าคอลลาเจนผิวเด็ก จะช่วยเพิ่มความเนียนนุ่มและยืดหยุ่น การฉีด Radiesse ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทั้งสองชนิดนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มอีลาสตินเพื่อความยืดหยุ่น : นอกจากคอลลาเจนแล้ว Radiesse ยังช่วยกระตุ้นการผลิตอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี การมีอีลาสตินที่สมดุลช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งและลดปัญหาริ้วรอย
การทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Microneedle RF ยังช่วยกระตุ้นชั้นผิวหนังในระดับที่ลึกลงไป ด้วยเข็มขนาดเล็กที่ปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เข้าไปในชั้นผิว การผสานการทำงานระหว่าง Radiesse และ Microneedle RF ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและปรับสภาพผิวให้แน่นกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที
- ผิวกระชับ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้นทันที : ผิวดูแน่นเฟิร์มขึ้นทันที เพราะเนื้อเจลจะช่วยเติมเต็มร่องลึกและปรับผิวให้เรียบเนียน
- ลดริ้วรอยลึกและริ้วรอยตื้น : ริ้วรอยที่เคยมองเห็นได้ชัดจะดูจางลง ผิวหน้าดูสดใสและเปล่งปลั่ง ที่สำคัญ การกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินจะช่วยให้ผิวดูดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่ผิวที่ตึงกระชับ แต่ยังเป็นผิวที่สุขภาพดีจากภายใน ซึ่งสามารถคงอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
ฉีด Radiesse ยกกระชับผิวหน้า เปลี่ยนผิวสวยให้ดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว
ปรับโครงหน้าให้คมชัด สร้างมิติที่ดูเป็นธรรมชาติ
เรเดียสไม่ได้เป็นเพียงสารเติมเต็มที่ช่วยลดริ้วรอย แต่ยังมีความสามารถพิเศษในการปรับโครงหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น แต่สามารถช่วยแก้ปัญหาร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และยังช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับบริเวณคางและกรอบหน้า สำหรับใครที่กังวลเรื่องใบหน้าที่ดูหย่อนคล้อยหรือไม่มีมิติ หัตถการนี้ช่วยเติมเต็มในจุดที่จำเป็น พร้อมกับสร้างสมดุลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์แบบที่ไม่ดูหลอกตา ผลลัพธ์ที่ได้คือโครงหน้าที่ชัดเจนและสวยสมบูรณ์แบบ
ฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว ผิวแข็งแรงจากภายใน
นอกเหนือจากการปรับโครงหน้า ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีในระยะยาว ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแน่นกระชับมากขึ้น สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเรื่องรอยแดงหรือหลอดเลือดฝอยที่เห็นชัด การทำงานร่วมกับ V-beam laser ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดรอยแดงและเสริมคุณภาพผิว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลลัพธ์จากการฉีด สามารถคงความสวยได้นานถึง 18-24 เดือน ผิวของคุณจะดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความแตกต่างที่สัมผัสได้เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลผิวทั่วไป
ขั้นตอนการฉีด
เตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
การเตรียมตัวก่อนฉีดเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพ อันดับแรก ควรงดการรับประทานวิตามินและยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี แปะก๊วย หรือยากลุ่มแอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ นอกจากนี้ หากมีประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าเพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความปลอดภัยในการรักษาได้อย่างเหมาะสม
ขั้นตอนการฉีด
เมื่อถึงวันฉีด คุณจะได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการประเมินใบหน้าและระบุจุดที่ต้องการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยสมบูรณ์แบบและเหมาะสมกับโครงหน้าของแต่ละคน
ก่อนดำเนิน แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดและใช้ยาชาเพื่อลดความเจ็บปวด หลังจากนั้นจะเริ่มการฉีด Radiesse ซึ่งใช้เวลาเพียงประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น หลังจากทำเสร็จ คุณสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที แต่สิ่งที่ควรระวังคือการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงหนัก ๆ และแสงแดดจัดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันอาการบวมแดง
ดูแลตัวเองหลังฉีดเรเดียสอย่างไร
เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานและผิวฟื้นตัวได้เร็วที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด และงดใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิวในช่วงแรก นอกจากนี้ หากมีอาการบวมแดงหรือฟกช้ำ สามารถใช้น้ำแข็งประคบเบา ๆ เพื่อลดอาการได้
Radiesse เหมาะกับใคร และข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
แม้ว่าเรเดียส จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและปรับโครงหน้าให้ดูสวยกระชับ แต่การตัดสินใจ ต้องมาพร้อมกับความเข้าใจที่ถูกต้องว่าสิ่งนี้เหมาะกับใคร และมีข้อควรรู้อะไรบ้าง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัยที่สุด
- คนที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและปรับโครงหน้า : สำหรับผู้ที่ต้องการปรับความชัดเจนของกรอบหน้า เติมเต็มบริเวณร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือเสริมความคมชัดบริเวณคาง Radiesse เป็นตัวช่วยที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะเติมเต็มได้ดีแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อความกระชับของผิวในระยะยาว
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึก : สำหรับใครที่กังวลเรื่องผิวที่เริ่มขาดความยืดหยุ่นหรือริ้วรอยที่เห็นชัด Radiesse ช่วยได้ทั้งในเรื่องของการเติมเต็มและฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาเต่งตึงและยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิว Radiesse ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น และผิวหน้าโดยรวมเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
- กลุ่มอายุที่เหมาะสม (35-60 ปี) : เรเดียสเหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 35-60 ปี เพราะเป็นช่วงที่ผิวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากอายุและสภาพแวดล้อม การกระตุ้นคอลลาเจนในช่วงนี้จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
ข้อควรรู้และความเสี่ยง
ถึงแม้ว่า Radiesse จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่การฉีดสารใด ๆ ลงใต้ผิวหนังก็อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงได้ค่ะ เรามาดูข้อควรรู้กันก่อนตัดสินใจ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
อาการบวม ฟกช้ำ หรืออาการคันเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน ในบางกรณีที่หายาก การฉีด Radiesse เข้าเส้นเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เกิดภาวะที่ร้ายแรง เช่น การอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผิวหนังหรือการมองเห็น
วิธีลดความเสี่ยง
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพทย์ที่ทำการฉีดมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในด้านนี้โดยเฉพาะ
- สื่อสารกับแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิว ประวัติสุขภาพ และความคาดหวัง เพื่อให้แพทย์ออกแบบการรักษาที่เหมาะสม
เรเดียส เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและฟื้นฟูให้กลับมาอ่อนเยาว์ สิ่งที่ทำให้เรเดียสแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ คือ ความสามารถเติมเต็มริ้วรอยแบบทั่วไป เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดีจากภายในนอกจากนี้ ยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสามารถคงอยู่ได้ยาวนานถึง 18-24 เดือน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า เติมเต็มร่องลึก หรือปรับโครงหน้าให้ดูคมชัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือเสริมมิติให้ใบหน้า เรเดียสสามารถช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายสิ่งที่ทำให้เป็นที่นิยม คือ นวตกรรมนี้ไม่ได้แก้ไขแค่ปัญหาผิวเฉพาะจุด แต่ยังช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ปลอดภัย และช่วยเสริมความมั่นใจให้กลับคืนมาอย่างแท้จริง
คำถามที่พบบ่อย
- Radiesse เหมาะกับใครบ้าง?
เรเดียสเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ปรับโครงหน้าให้ดูคมชัด และลดเลือนริ้วรอยลึก นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือสูญเสียความยืดหยุ่นในช่วงอายุ 35-60 ปี
- หลังฉีด Radiesse ต้องพักฟื้นหรือไม่?
หลังฉีดคุณสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักและแสงแดดจัดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการฉีดและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- การฉีดเรเดียสมีความปลอดภัยหรือไม่?
ปลอดภัยแน่นอนไม่ต้องกังวล เพราะเรเดียสเป็นสารเติมเต็มที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยระดับสากล มีส่วนประกอบที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายและสลายไปตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
อ้างอิง
- Ana Gotter, Radiesse: What You Need to Know, Healthline, April 21, 2018, https://www.healthline.com/health/radiesse
- Victoria Kirby, What Is Radiesse? Here, 6 Surprising Things the Injectable Can Do, Oprahdaily, November 01, 2022, https://www.oprahdaily.com/beauty/a41793502/benefits-radiesse-filler/
- Use of calcium hydroxylapatite (Radiesse®) for facial augmentation, NIH, March 02, 2008, https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC2544361/