การฉีดโบท็อกลดกราม ทางลัดสู่ใบหน้าเรียวสวย ปลอดภัย ได้ผลจริงหรือ?

ในยุคที่กระแสความงามและการดูแลตัวเองกำลังมาแรง การฉีดโบท็อกลดกราม เพื่อให้ใบหน้าเรียวเล็กก็เป็นหนึ่งในทรีตเมนต์ความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่ได้ผลไว ไม่เจ็บตัว แถมยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจถึงข้อดี ข้อควรระวัง รวมถึงขั้นตอนและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นให้ถี่ถ้วน เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการฉีดโบท็อกลดกราม ทั้งในแง่ของความนิยม กลไกการทำงาน ขั้นตอนการฉีด ข้อควรระวังและผลข้างเคียง ตลอดจนเทคนิคการเลือกคลินิกและแพทย์ที่ดี เพื่อสาวๆ ที่กำลังสนใจจะได้มีข้อมูลที่ครบถ้วน ช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าการฉีดโบท็อกลดกรามเหมาะกับตัวเองหรือไม่ และถ้าจะทำ ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลย


ความนิยมของ การฉีดโบท็อกลดกราม เพื่อหน้าเรียว

ความนิยมของ การฉีดโบท็อกลดกราม เพื่อหน้าเรียว

ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อกเพื่อลดกรามและทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงและบุคคลที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก ทำไมการฉีดโบท็อกลดกรามจึงได้รับความนิยมขนาดนี้ และประโยชน์ของการมีใบหน้าเรียวคืออะไร ลองมาหาคำตอบกัน

สาเหตุที่ทำให้คนนิยมฉีดโบท็อก

  1. เทรนด์ความงามในปัจจุบันให้ความสำคัญกับใบหน้าเรียว หน้าวีเชฟ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานความงามที่หลายคนใฝ่ฝัน การฉีดโบท็อกลดกรามจึงเป็นทางลัดที่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก สวยได้รูป โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
  2. อิทธิพลจากซุปตาร์ ดารา หรือบุคคลมีชื่อเสียงที่มีใบหน้าเรียวสวย หลายคนเลือกฉีดโบท็อกเพื่อให้ได้ใบหน้าในแบบที่ชื่นชอบเหมือนกับไอดอลของตัวเอง
  3. ความสะดวกรวดเร็วในการฉีดโบท็อก เมื่อเทียบกับการศัลยกรรมหรือการลดน้ำหนัก การฉีดโบท็อกใช้เวลาเพียงไม่นาน มีระยะพักฟื้นสั้น และได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งนอกจากการฉีดเพื่อลดกรามแล้วยังมี การฉีดโบท็อกลดริ้วรอย อีกด้วยเช่นกัน
  4. การโฆษณาและการตลาดของคลินิกความงามต่างๆ ที่ชูจุดเด่นของการฉีดโบท็อกลดกรามว่าปลอดภัย เห็นผลไว ไม่เจ็บตัว รวมถึงมีโปรโมชั่นราคาพิเศษ จูงใจให้คนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

ประโยชน์ของการมีใบหน้าเรียว

  1. การมีใบหน้าเรียวช่วยเสริมบุคลิกภาพ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ฉีดโบท็อก เมื่อมองในกระจกแล้วเห็นใบหน้าที่ดูดี ความภูมิใจในตัวเองก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากใครที่อยากให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด การฉีดเมโสแฟต ที่บริเวณแก้มหรือเหนียงจะสามารถช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
  2. ใบหน้าเรียวช่วยให้ดูเด็กลง ใบหน้ากลมอวบอาจทำให้แลดูอายุมากกว่าความเป็นจริง แต่เมื่อใบหน้าเรียวเล็กลง ก็จะช่วยพรางตาให้ดูอ่อนเยาว์ น่ามองมากขึ้น
  3. การมีรูปหน้าที่ดูดี เป็นที่ถูกอกถูกใจของตัวเอง จะส่งผลดีต่อสภาพจิตใจ ลดความกังวล ความเครียด และความไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง ทำให้รู้สึกพึงพอใจและมีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น
  4. ช่วยเปิดโอกาสให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้น คนที่มีความมั่นใจในรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง มักจะกล้าแสดงออก พูดคุยเข้าสังคมได้อย่างเปิดเผยมากขึ้น ส่งผลดีต่อการทำงานและการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น

โบท็อกคืออะไร และมันทำงานอย่างไร?

โบท็อกคืออะไร และมันทำงานอย่างไร

หากพูดถึงการฉีดโบท็อกเพื่อความงาม หลายคนอาจเข้าใจคร่าวๆ ว่าเป็นการฉีดสารชนิดหนึ่งเข้าไปในใบหน้าแล้วจะช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวตึงกระชับ แต่จริงๆ แล้ว โบท็อกคืออะไรกันแน่ และมันมีกลไกการทำงานอย่างไรในการลดกล้ามเนื้อกราม ลองมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

โบท็อกคืออะไร?

โบท็อก (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) ชนิดเอ ซึ่งเป็นสารพิษที่สร้างมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อ Clostridium Botulinum ในทางการแพทย์มีการนำโบท็อกมาใช้รักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก หรือภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ

เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปในกล้ามเนื้อ สารนี้จะไปยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อนั้นๆ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจะเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เมื่อหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานได้ตามปกติ

ในทางความงาม จึงมีการนำโบท็อกมาฉีดเพื่อลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบางส่วน เช่น กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยหน้าผาก ตลอดจนใช้ลดขนาดและความตึงของกล้ามเนื้อกราม เพื่อให้ได้ใบหน้าที่ดูเรียวเล็กลง

กลไกการทำงานของโบท็อกในการลดกล้ามเนื้อกราม

เวลาเคี้ยวอาหารหรือขมับฟันแรงๆ กล้ามเนื้อกรามจะมีการหดและคลายตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้มีขนาดใหญ่และแข็งแรง ส่งผลให้รูปหน้าบริเวณขากรรไกรดูกว้างหรือเหลี่ยมได้

เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปในกล้ามเนื้อกราม สารโบทูลินั่มท็อกซินจะไปยับยั้งการส่งสัญญาณจากเซลล์ประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อกรามเกิดอาการอ่อนแรงชั่วคราว ไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่เหมือนปกติ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานหนักเป็นเวลานาน จึงค่อยๆ ลีบเล็กลง

นอกจากนี้ โบท็อกยังช่วยลดแรงบีบเค้นที่มากระทำต่อขากรรไกร ลดอาการกัดฟันในเวลานอนหลับ ป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อกรามใหญ่ขึ้นจากการใช้งานหนัก เมื่อกล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง บริเวณแก้มและโหนกแก้มจะตกลงมาด้วย ส่งผลให้รูปหน้าดูเรียวเล็กลง มีมิติมากขึ้น

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดโบท็อกลดกรามจะคงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาแข็งแรงดังเดิมเมื่อหมดฤทธิ์ของโบท็อก หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ จำเป็นต้องฉีดโบท็อกซ้ำเป็นระยะๆ


ขั้นตอน การฉีดโบท็อกลดกราม

ขั้นตอน การฉีดโบท็อกลดกราม

สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง แน่นอนว่าก่อนตัดสินใจลงเข็ม จำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการฉีดโบท็อกลดกรามให้ดีเสียก่อน ตั้งแต่การปรึกษาแพทย์ การวางแผนการฉีด ไปจนถึงขั้นตอนการฉีดโบท็อก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นที่น่าพอใจมากที่สุด

การปรึกษาแพทย์และการตรวจสอบสุขภาพ

ก่อนฉีดโบท็อกลดกราม สิ่งแรกที่ควรทำคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพใบหน้า กล้ามเนื้อกราม และความเหมาะสมในการฉีดโบท็อก แพทย์จะซักถามประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาที่ใช้ ตลอดจนอาการแพ้ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการฉีดโบท็อกจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

หากมีอาการผิดปกติหรือโรคบางชนิดที่เป็นข้อห้ามในการฉีดโบท็อก เช่น โรคทางระบบประสาท หรือกำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร แพทย์อาจแนะนำให้เลื่อนการฉีดออกไปก่อน หรือพิจารณาทางเลือกอื่นในการลดกรามแทน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

การวางแผนการฉีดและกำหนดปริมาณที่เหมาะสม

เมื่อแพทย์ตรวจประเมินแล้วว่ามีความพร้อมและเหมาะสมที่จะฉีดโบท็อก ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนการฉีด โดยแพทย์จะให้คำแนะนำเรื่องตำแหน่งที่ควรฉีด และปริมาณโบท็อกที่จะใช้ ซึ่งต้องกำหนดให้เหมาะสมกับสภาพและขนาดกล้ามเนื้อกรามของแต่ละคน

การฉีดโบท็อกในปริมาณที่น้อยหรือมากเกินไป อาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ การฟังคำแนะนำและวางแผนการฉีดร่วมกับแพทย์ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การลดกรามด้วยโบท็อกเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ขั้นตอน การฉีดโบท็อกลดกราม

เมื่อพร้อมแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนการฉีดโบท็อกเข้าไปในกล้ามเนื้อกราม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  1. แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  2. ทำการชาเฉพาะจุดด้วยครีมชาหรือยาชาชนิดฉีด เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีดโบท็อก โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 10-20 นาทีเพื่อรอให้ยาชาออกฤทธิ์
  3. เมื่อบริเวณที่จะฉีดชาดีแล้ว แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารโบท็อกเข้าไปในกล้ามเนื้อกราม ตำแหน่งละประมาณ 2-3 จุด ใช้เวลาฉีดไม่นาน ผู้รับบริการจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  4. หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อก เช่น งดอาหารแข็ง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 1-2 วัน

ผลของการฉีดโบท็อกจะเริ่มเห็นอย่างชัดเจนภายใน 3-7 วัน และจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ก่อนที่กล้ามเนื้อกรามจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ดังนั้น หากต้องการคงผลลัพธ์ในระยะยาว จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อทำการฉีดโบท็อกซ้ำเป็นระยะๆ


ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าการฉีดโบท็อกลดกรามจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังหลายประการที่ควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก รวมถึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกคลินิกและแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อก

แม้ส่วนใหญ่การฉีดโบท็อกลดกรามจะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดผลข้างเคียงบางประการ ได้แก่

  • อาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็น และมักจะหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน
  • อาการชาหรือรู้สึกเสียวบริเวณกรามและริมฝีปาก อันเนื่องจากโบท็อกไปออกฤทธิ์กับเส้นประสาทโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อฤทธิ์ของโบท็อกหมดลง
  • รอยช้ำ จุดเลือดออกเล็กๆ หรือติดเชื้อที่บริเวณฉีด ซึ่งพบได้น้อยมากหากฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องและปลอดเชื้อ
  • เกิดอาการแพ้โบท็อก ทำให้ผื่นขึ้น คัน หายใจลำบาก ซึ่งพบน้อยมาก แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต จำเป็นต้องพบแพทย์โดยด่วน

นอกจากนี้ ผลจากการฉีดโบท็อกอาจไม่เป็นไปตามความคาดหวัง เช่น ฉีดแล้วไม่เห็นผลชัดเจน หรือกรามไม่เท่ากันทั้งสองข้าง ถือเป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก

ข้อควรระวังก่อนและหลังการฉีด

เพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดโบท็อกลดกราม สิ่งที่ควรทำมีดังนี้

ก่อนการฉีด

  • เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดโบท็อก
  • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ใช้ ต่อแพทย์อย่างละเอียด
  • งดยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ก่อนฉีดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดจ้ำเลือด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด ลดความเสี่ยงจากการมีเลือดออก

หลังการฉีด

  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือคลึงบริเวณที่ฉีดโบท็อก เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกกระจายไปยังบริเวณอื่น
  • ไม่ควรออกกำลังกายหนักหรือโดนความร้อนสูง อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อไม่ให้เกิดอาการข้างเคียง
  • หากมีอาการปวด บวมมาก มีไข้ หรือติดเชื้อ ควรรีบกลับไปพบแพทย์โดยเร็ว

การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ได้มาตรฐาน

การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ได้มาตรฐาน

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการฉีดโบท็อก คือการเลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีคุณภาพ โดยสังเกตได้จาก

  • เป็นคลินิกที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับวุฒิบัตรอนุมัติจากแพทยสภาในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ศัลยกรรมตกแต่ง ผิวหนัง เป็นต้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกแท้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. และไม่หมดอายุ
  • มีอุปกรณ์ฉีดและห้องทำหัตถการที่ได้มาตรฐาน สะอาด ถูกสุขลักษณะ
  • มีการให้ข้อมูลและคำแนะนำที่ครบถ้วน ตอบข้อสงสัยได้ชัดเจน ไม่ปิดบังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

การเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าการฉีดโบท็อกจะเป็นไปอย่างปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายหรือความผิดพลาดที่ไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดี


จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การฉีดโบท็อกลดกราม เพื่อให้ใบหน้าเรียวเล็ก เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่คนที่รักสวยรักงาม เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ช่วยเสริมความมั่นใจและบุคลิกภาพได้ดี

อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อก ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การฉีดโบท็อกเป็นไปอย่างปลอดภัย และสัมฤทธิ์ผลสูงสุด

ถึงแม้ใบหน้าเรียวเล็กจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงยุคใหม่ แต่เราก็ไม่ควรลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็นตัวของตัวเอง การดูแลสุขภาพกายและใจ รวมถึงการเติมเต็มชีวิตด้วยสิ่งดีๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมความงามที่แท้จริงได้ดีไม่แพ้การฉีดโบท็อกลดกรามเลยล่ะ


คำถามที่พบบ่อย

1. ฉีดโบท็อกลดกรามแล้วเจ็บไหม และมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะใช้เข็มขนาดเล็กและมีการฉีดยาชาบริเวณที่ฉีดก่อน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ อาการบวม ช้ำ แดง ที่บริเวณฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองใน 2-3 วัน นอกจากนี้อาจมีอาการชาหรือรู้สึกเสียวที่ริมฝีปากและกราม หรืออาการแพ้โบท็อกในบางราย ซึ่งพบได้น้อยมาก

2. การฉีดโบท็อกลดกราม เห็นผลลัพธ์เร็วแค่ไหน และอยู่ได้นานเท่าไร?

หลังฉีดโบท็อก ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนภายใน 3-7 วัน และจะคงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน จากนั้นกล้ามเนื้อกรามจะค่อยๆ กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ถ้าต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง จำเป็นต้องฉีดซ้ำทุก 6 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์

3. การฉีดโบท็อกลดกรามเหมาะกับใครบ้าง มีข้อห้ามอะไรไหม?

คำตอบ: การฉีดโบท็อกเหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และมีใบหน้าที่กรามกว้าง ทำให้รูปหน้าดูเหลี่ยม ไม่เรียวเล็กอย่างที่ต้องการ สำหรับข้อห้าม ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบประสาท กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร มีประวัติแพ้โบท็อกหรือส่วนประกอบของโบท็อก เป็นต้น

4. เลือกสถานพยาบาลสำหรับการฉีดโบท็อกอย่างไรให้ปลอดภัย?

ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือศัลยกรรมตกแต่งที่ได้รับวุฒิบัตรจากแพทยสภา ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกแท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. มีอุปกรณ์และห้องทำหัตถการที่ได้มาตรฐาน ปลอดเชื้อ และสามารถให้ข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจน รวมถึงความเสี่ยงและผลข้างเคียงต่างๆ ได้

อ้างอิง :